จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ถ้าท่านติดแบล็คลิสต์แล้ว การจะขอกู้เงินกับสถาบันการเงินต่างๆ เรียกว่ามีโอกาสเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้ วิธีแก้ไขก็คือ จะต้องชำระหนี้ที่คงค้างอยู่ให้หมด ถึงจะมีสิทธิ์ยื่นเรื่องขอกู้กับสถาบันการเงินใหม่ได้ ขอย้ำนะครับ ว่าแค่ได้สิทธิ์ยื่นเรื่องขอกู้ ส่วนจะได้รับการอนุมัติหรือไม่ เป็นลักษณะคนละเรื่องเดียวกัน เอาล่ะครับ เมื่อเราชำระหนี้สินเรียบร้อยแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ นั่นคือ ประวัติการเงินในเครดิตบูโร ผมมีตัวอย่างให้ลองเปรียบเทียบ แล้วสมมุติท่านเป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อธนาคารจะอนุมัติให้คนไหน (อาจรวบรัดไปบ้างเพื่อความกระชับนะครับ)
นาย ก. (ยอดหนี้ 100,000 บาท) นาย ข. (ยอดหนี้ 100,000 บาท)
เดือน มีนาคม ๒๕๕๕ ปกติ ปกติ
เดือน เมษายน ๒๕๕๕ ปกติ ปกติ
เดือน พฤษภาคม ๒๕๕๕ ปกติ ปกติ
เดือน มิถุนายน ๒๕๕๕ ปกติ ปกติ
เดือน กรกฏาคม ๒๕๕๕ ปกติ ปกติ
เดือน สิงหาคม ๒๕๕๕ ปกติ ค้างชำระ
เดือน กันยายน ๒๕๕๕ ปกติ ค้างชำระ
เดือน ตุลาคม ๒๕๕๕ ปกติ ค้างชำระ
เดือน พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ปกติ ค้างชำระ
เดือน ธันวาคม ๒๕๕๕ ปกติ รอปิดบัญชี
เดือน มกราคม ๒๕๕๖ ปกติ รอปิดบัญชี
เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ปกติ รอปิดบัญชี
เดือน มีนาคม ๒๕๕๖ ปกติ รอปิดบัญชี
เดือน เมษายน ๒๕๕๖ ปกติ รอปิดบัญชี
เดือน พฤษภาคม ๒๕๕๖ ปกติ รอปิดบัญชี
เดือน มิถุนายน ๒๕๕๖ ปกติ รอปิดบัญชี
เดือน กรกฏาคม ๒๕๕๖ ปกติ ปิดบัญชี
เห็นกันแล้วใช่มั้ยครับ นาย ก. เครดิตบูโร บัญชีปกติ ในขณะที่ นาย ข. จ่ายช่วงแรก ไม่ได้จ่ายเลย แล้วสุดท้ายก็ปิดบัญชี (คือการชำระหนี้ทั้งหมด) ถ้าทั้งสองคนไปยื่่นเรื่องกู้ ณ สิ้นเดือนนี้ นาย ก. ธนาคารจะต้องได้รับการอนุมัติอย่างไม่ยาก แต่สำหรับนาย ข. อาจจะต้องใช้เวลารออย่างน้อย 3 ปี ....เพื่อ....เพื่อ....ให้ประวัติในเครดิตบุโรตัวเองสวยงามแล้วค่อยไปยื่นเรื่องกู้ แบบนี้ธนาคารก็จะไม่ทราบว่า เมื่อก่อนเราเคยมีประวัติไม่ดี (ค้างชำระ, ชำระไม่ตรง ,ขาดส่ง) อาศัยช่องนี้ ผู้ที่เคยมีประวัติติดแบล็คลิสต์ก็จะยังสามารถกู้เงินกับทางสถาบันการเงินต่างๆ ได้....สรุป...เคล็ดลับหากอยากจะกู้ปิดบัญชีแล้วต้องรอ 3 ปี ให้เครดิตตัวเองดูดีก่อนค่อยยื่นเรื่อง ทำแบบนี้ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อธนาคารก้อไม่ทราบว่าเราเคยมีประวัติการเงินไม่ดี.....เครดิตบูโรบล็อก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น